สตีเวน โซเดอร์เบิร์กทำเพื่อภาพยนตร์เรื่องปล้นมากกว่าที่ผู้สร้างภาพยนตร์รายอื่นๆ ทำงานอยู่ในปัจจุบัน นอกจากภาพยนตร์เรื่อง “Ocean’s” แล้ว โซเดอร์เบิร์กยังเคยกำกับภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง “Out of Sight”, “Logan Lucky” และ “The Informant!” ในปี พ.ศ. 2564 โซเดอร์เบิร์กหวนคืนสู่แนวภาพยนตร์ด้วยภาพยนตร์ระทึกขวัญประวัติศาสตร์เรื่อง “No Sudden Move” ซึ่งสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติในปี 1950 และตรวจสอบว่าสิ่งใดที่ผลักดันให้ตัวละครหมดหวังในการปล้นที่กล้าหาญ

“No Sudden Move” ติดตามกลุ่มโจรประหลาดที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงได้รับการว่าจ้าง เคิร์ท กอยเนส (ดอน ชีเดิล) อันธพาลแห่งเมืองดีทรอยต์ โรนัลด์ รุสโซ (เบนิซิโอ เดล โทโร) และชาร์ลีย์ (คีแรน คัลกิน) ได้รับการว่าจ้างจากดั๊ก โจนส์ (เบรนแดน เฟรเซอร์) เพื่อข่มขู่นักบัญชี แมตต์ เวิร์ตซ์ (เดวิด ฮาร์เบอร์) กอยเนสและรุสโซบอกเวิร์ทซ์ว่า พวกเขาจะฆ่าครอบครัวของเขา เว้นแต่เขาจะให้เอกสารสำคัญเกี่ยวกับนายจ้างของเขา เจเนอรัล มอเตอร์ส Wertz ปฏิบัติตามอย่างไม่เต็มใจ ชาร์ลีพยายามจะฆ่าครอบครัวของเวิร์ทซ์อยู่แล้ว และกอยเนสก็ถูกบังคับให้ฆ่าชาร์ลี กอยเนสพบว่าการโจรกรรมเป็นการจัดฉาก และเอกสารที่เวิร์ทซ์มอบให้นั้นเป็นของปลอม

หลังจากที่นักสืบตำรวจ โจ ฟินนีย์ (จอน แฮมม์) เริ่มขุดคุ้ยเรื่องนี้ กอยเนส รุสโซ และเวิร์ตซ์ต่างก็ถูกบังคับให้ต้องหนี การแสดงของนักแสดงทั้งหมดซึ่งหลายคนกำลังเล่นกับประเภทนั้นยอดเยี่ยมมาก เฟรเซอร์ไม่จำเป็นต้องเป็นที่รู้จักในการเล่นคนร้าย แต่เขาแสดงการแสดงที่น่ากลัวที่นี่ เช่นเคย Soderbergh ทำงานได้ดีในการบันทึกรายละเอียดทางประวัติศาสตร์เล็กๆ ของช่วงเวลาเช่นกัน